ถ้อยแถลงจากกองบรรณาธิการ
เนื้อหาที่ปรากฎในบทความชิ้นนี้คือใจความสำคัญในจดหมายฉบับหนึ่งที่ถูกส่งมาจากสตรีชาวเวียดนามซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนักประพันธ์ชาวเวียดนามผู้มีนามว่าเหงียนกวางเถี่ยว (nhà văn Nguyễn Quang Thiều) ท่ามกลางบรรยากาศของความตรึงเครียดที่แผ่ซ่านไปทั่วผืนทะเลตะวันออก นักประพันธ์ชาวเวียดนามผู้นี้ได้หยิบเอาเนื้อหาส่วนหนึ่งในจดหมายฉบับดังกล่าวเผยแพร่ไว้บนเฟสบุ๊คของตนเพื่อให้บรรดาเพื่อนพ้องและผู้อ่านได้เข้าใจถึงความรู้สึกนึกคิด สภาพจิตใจ และความรักของสตรีชาวเวียดนามผู้หนึ่งซึ่งมีสามีเป็นชาวจีน นอกจากนั้นยังเผยให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัว มุมมองของเธอที่มีต่อปัญหาการละเมิดอธิปไตย และการขยายอิทธิพลของจีนเหนือพื้นที่ทะเลตะวันออก
เนื้อหาตอนหนึ่งในจดหมายจากเมืองจีน
ถึงพี่เถี่ยวที่เคารพ
นี่คงเป็นเวลาเกือบ 5 ปีแล้วซิคะ ที่พี่น้องเราไม่ได้พบเจอกันเลย เมื่อฤดูร้อนปีกลาย หนูได้กลับไปเวียดนามและได้แวะไปที่บ้านของพี่แต่พี่จางบอกว่าพี่กำลังอยู่ที่ต่างประเทศ พี่จางได้มอบหนังสือที่พี่แต่งไว้ให้หนูด้วย หนูรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากแม้ว่าจะไม่ได้ลายเซ็นของพี่ไว้เป็นที่ระลึก หนูอ่านหนังสือเรื่อง “กลิ่นของความทรงจำ” (Mùi Của Ký Ức) จนจบไปหลายหน เนื้อหาในหนังสือเขียนถึงของกินพื้นเมืองต่าง ๆ ในแถบแม่น้ำได๋ (sông Đáy) อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเราทำให้หนูคิดถึงบ้านอย่างมาก
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หนูกำลังใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสภาวะที่เจือเคล้าระหว่างความเศร้าและความโกรธระคนกันเมื่อรัฐบาลจีนได้นำเรือล่วงละเมิดเข้าไปในเขตแนวปะการังตือจิ๋ง หนูได้พูดเรื่องนี้กับสามีของหนู โดยหนูได้บอกกับเขาตรง ๆ ว่านี่คือพฤติกรรมที่จีนกำลังล่วงล้ำเข้าไปในดินแดนของเวียดนาม เป็นระยะเวลากว่า 10 ปีมาแล้วที่หนูได้เข้ามาอาศัยกับสามีและครอบครัวของสามี หนูได้เคยถกเถียงในประเด็นที่เกี่ยวกับการที่รัฐบาลจีนได้ล่วงละเมิดอธิปไตยทางทะเลและหมู่เกาะของเวียดนาม ในบางครั้ง หนูคิดว่าครอบครัวของเราจะต้องหย่าร้างกัน แต่สามีของหนูรักหนูและลูก ๆ ของเรามาก นอกจากนั้น สามีของหนูก็เป็นคนที่จบการศึกษาในระดับปริญญาเอกจึงทำให้เขามีความเข้าใจและมีความคิดเป็นของตนเอง
ด้วยเหตุดังกล่าวจึงทำให้สามีของหนูได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหนูอยู่เป็นประจำ นอกจากนั้น สามีของหนูก็ยังได้ทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเอกสารที่เกี่ยวข้องกับดินแดนของเวียดนามและจีนเพื่อที่จะได้มีความคิดเป็นของตนเอง เมื่อจีนมีคำสั่งให้เรือของตนรุกล้ำเข้าไปในเขตแนวปะการังตือจิ๋ง สามีของหนูได้บอกกับหนูว่า เอาเข้าจริง ๆ แล้วนี่คือการรุกล้ำดินแดน สามีบอกว่า แม้ว่าจะเป็นคนจีนแต่ว่าในใจของตนนั้นต่อต้านพฤติกรรมการล่วงละเมิดอธิปไตยดังกล่าว ในขณะที่พูดคุยกับหนู สามีของหนูก็ได้ร้องไห้ออกมา ด้วยความรักของสามีที่มีต่อหนูและการที่สามีต้องเผชิญกับความกดดันทางมโนสำนึกอยู่เสมอจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้หนูรักเขามาก หนูได้พูดคุยกับเขาหลายครั้งโดยเสนอว่า เราควรออกไปจากจีนเพื่อใช้ชีวิตในแผ่นดินอื่น ในตอนแรก เขาแสดงท่าทีต่อต้านอย่างรุนแรง ในบางครั้งเขาถึงกลับตะหวาดหนูว่าให้กลับไปอยู่ที่เวียดนามเสีย แต่ในตอนนี้ สามีของหนูกำลังหาหนทางที่จะนำพาครอบครัวของเราออกไปจากประเทศจีน ถ้าหากว่าสามีของหนูไม่เข้าใจประวัติศาสตร์อย่างแท้จริงและไม่ยึดมั่นในความจริงแล้ว หนูคิดว่าเราคงหย่าร้างกันไปนานแล้ว
เมื่อชาวฮ่องกงลุกขึ้นมาประท้วงร่างกฎหมายว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน หนูและสามีต่างก็สนับสนุนชาวฮ่องกง ทำไมหนะหรือ ก็เพราะชาวฮ่องกงต่างก็เป็นผู้ที่มีเชื้อสายจีนแต่พวกเขายินยอมที่จะสละชีวิตเพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นคนจีน ตรรกะเช่นนี้คงทำให้พี่เข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง เช่นเดียวกับที่คนไต้หวันที่ยอมตายแต่จะไม่ยอมกลับไปร่วมชายคาเดียวกันกับจีน ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเกิดจากนโยบายของรัฐบาลจีนอย่างแน่แท้ค่ะพี่
ภาพประกอบ เรือตรวจตราของหน่วยยามฝั่งเวียดนาม ที่มา: อินเตอร์เน็ต
พี่เถี่ยวคะ มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้หนูมีความกลัวอยู่เสมอก็คือการที่เหล่าเยาวชนชาวจีนซึ่งรวมถึงลูก ๆ ของหนูมักจะถูกล้างสมองว่าเวียดนามเป็นชาติที่รุกรานพื้นที่ทางทะเลและหมู่เกาะของจีน ทั้งยังเป็นชาติที่หักหลังจีน การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงและอันตรายเช่นนี้กำลังปลูกฝังความเกลียดชังเวียดนามเข้าไปในจิตใจเหล่าเยาวชนชาวจีนซึ่งรวมถึงลูก ๆ ของหนูอีกด้วย มีอยู่ครั้งหนึ่ง ลูกสาวคนโตของหนูเมื่อกลับมาจากโรงเรียนได้ตั้งคำถามว่าทำไมเวียดนามต้องปล้นเอาทะเลและหมู่เกาะของจีนและต้องการฆ่าคนจีน เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทำให้หนูถึงกับหน้าชา ในคืนนั้นเมื่อมองดูลูก ๆ ที่กำลังหลับใหลหนูก็ได้ร้องให้ออกมา เอาเข้าจริง ๆ แล้วถ้อยวลีที่สวยงามที่บรรยายถึงความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามและจีนที่คนจีนได้ยิน ได้อ่านนั้นคือความโป้ปดมดเท็จ หนูได้ตั้งคำถามกับสามีว่า ทำไมชนชั้นปกครองของจีนในแต่ละรุ่นต่างก็แสวงหาวิธีการต่าง ๆ นา ๆ เพื่อที่จะรุกรานเวียดนาม ? แต่สามีของหนูก็ไม่ตอบคำถามนี้
ในตอนนี้ หนูเป็นสะใภ้ในครอบครัวของชาวจีนและถือสัญชาติจีน แต่พี่จงเชื่อเถอะว่าหนูยังคงเป็นชาวเวียดนามตลอดไปและจะต่อสู้เพื่อความจริงตามวิถีทางของตน เมื่อมีโอกาสได้กลับไปที่เวียดนาม หนูก็ได้หาซื้อหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เวียดนามและเกี่ยวข้องกับอำนาจอธิปไตยทางทะเลของเวียดนามเพื่อที่จะนำเอาข้อมูลต่าง ๆ ไปเล่าให้สามีและลูก ๆ ได้รับรู้ ถ้าไม่ทำเช่นนี้ก็เท่ากับว่าหนูได้กลายเป็นคนทีหักหลังชาติของเราโดยไม่ได้ตั้งใจ
อาจเป็นไปได้ว่า หนูและสามีของหนูรวมถึงลูก ๆ คงจะไม่อาศัยอยู่ในแผ่นดินจีนอย่างถาวร พวกเราจะต้องเดินทางออกไปจากผืนแผ่นดินแห่งนี้ค่ะพี่ ก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานกับสามีของหนูนั้น หนูได้ถามความคิดเห็นของสามี หนูจำได้ว่าตอนนั้นสามีของหนูนิ่งเงียบแล้วพูดว่าหนูจงฟังเสียงหัวใจของตนแล้วจึงตัดสินใจ จนถึงตอนนี้ หนูก็ยังคิดว่าการตัดสินใจแต่งงานกับชายชาวจีนนั้นไม่มีอะไรที่น่าเสียใจทั้งสิ้น กระนั้น หนูคิดว่าหนูจะต้องตัดสินใจอะไรใหม่ ๆ เสียบ้างเพื่อชีวิตของหนู และโดยเฉพาะเพื่อลูก ๆ ของหนู
หนูคิดอยู่เสมอว่าสักวันหนึ่งจะได้ต้อนรับพี่ที่ประเทศจีน ทว่าโอกาสเช่นนั้นอาจจะไม่เป็นความจริงเพราะหนูคิดว่าสักวันหนึ่งครอบครัวของเราจะย้ายไปตั้งหลักแหล่งในประเทศอื่นในช่วงเวลาอันใกล้ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นอกจากนั้น เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาพี่ได้เขียนจดหมายถึงหนูและบอกว่าจะเดินทางมายังประเทศจีนตามคำเชิญของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในครานั้นเราได้ตระเตรียมการที่จะขับรถไปรับพี่ แต่หลังจากนั้นก็ได้ทราบข่าวว่าพี่ได้ยกเลิกการเดินทางเพราะจีนได้มีคำสั่งให้เรือรบของตนรุกล้ำเข้ามาและยึดเอาเกาะบางแห่งของเวียดนาม พี่บอกกับหนูว่าพี่จะไม่มีทางไปประเทศจีนเป็นอันขาดแม้ว่าก่อนหน้านั้นเคยมีความต้องการที่จะไปเยี่ยมชมประเทศจีนในฐานะดินแดนแห่งอารยธรรมของอาณาจักรจีนโบราณ
พี่เถี่ยวคะ หากจดหมายของหนูมีเนื้อหาที่ทำให้พี่คับข้องใจหรือมีเนื้อหาที่อาจจะยังไม่ถูกต้องนักก็หวังว่าพี่จะให้คำชี้แนะ หนูขอวิงวอนให้พี่และพี่จางจงมีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงเพื่อที่จะดูแลลูกหลานให้เติบใหญ่นะคะ และหากมีเวลาว่างก็หวังว่าพี่จะเขียนถ้อยคำบางอย่างให้หนูได้รับทราบบ้าง
ด้วยความปรารถนาถึงความดีงามต่อประเทศของเรา
ที่มา: Facebook Nguyễn Quang Thiều