ข่าวเวียดนาม:ปัญหาและอุปสรรคในการกำหนดขอบเขตพื้นที่นอกเขตไหล่ทวีปของเวียดนามท่ามกลางการต่อต้านของจีน
จีนกระทำการยั่วยุและขัดขวางตลอดเวลา
หากอ้างอิงตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 และข้อบังคับของคณะกรรมาธิการกำหนดขอบเขตไหล่ทวีป (Commission on the Limits of the ContinentaL Shelf : CLCS) ขององค์การสหประชาชาติแล้วนั้น เวียดนามจัดเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ติดกับทะเลอันมีขอบเขตของไหล่ทวีปเลยออกไปจากระยะทาง 200 ไมล์ทะเลโดยนับจากเส้นฐาน (baseline sea) แห่งทะเลอาณาเขต
อย่างไรก็ดี ลักษณะดังกล่าวจำต้องอ้างอิงถึงหลักฐานทางด้านธรณีวิทยา ธรณีสัณฐาน ความลึกของชั้นตะกอน ฯลฯ ที่ปรากฏในเอกสารรายงานของประเทศโดยมิอาจจะอ้างอิงได้ด้วยปากเปล่า
ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้แต่ละประเทศจัดส่งรายงานการสำรวจของตนภายในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 และถ้าหากมิได้ส่งรายงานภายในระยะเวลาที่กำหนดให้ถือเป็นการสละสิทธิในการครอบครองพื้นที่ซึ่งเลยออกไปจากไหล่ทวีป 200 ไมล์ทะเล ทั้งนี้ รัฐบาลเวียดนามได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้จัดทำและจัดส่งรายงานดังกล่าวไปยังองค์การสหประชาชาติ
จากนั้น คณะกรรมการเขตแดนภายใต้กระทรวงการต่างประเทศได้มอบหมายให้บริษัทสำรวจและการนำใช้ก๊าซธรรมชาติ (PetroVietnam Exploration Production Corporation - PVEP) เป็นผู้วางแผนและดำเนินการสำรวจทางด้านธรณีวิทยาเพื่อกำหนดส่วนของพื้นที่ทางทะเลที่ขยายออกไปภายนอกพื้นที่ทะเลอาณาเขตของประเทศเวียดนาม
จากนั้น ในปี ค.ศ. 2006 บริษัท PVEP ได้แต่งตั้งคณะทำงานภายใต้นามเรียกขานว่า Team CSL-07 ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากฝ่ายสำรวจ เช่น คุณเหงียนซูฮึง (Nguyễn Du Hưng) คุณกู่มิงหว่าง (Cù Minh Hoàng) คุณหว่างเหวียดแบ๊ก (Hoàng Việt Bách) และจากฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ อาทิ คุณเหงียนเจื่องแท็ง (Nguyễn Trường Thanh) รวมถึงตัวผมเองและพี่น้องในบริษัทอีกจำนวนหนึ่งได้ร่วมมือกับคุณหวิ่งมิง จิ๋ง (Huỳnh Minh Chính) อธิบดีกรมทะเล ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับคณะกรรมการเขตแดนเวียดนามได้ทำการกำหนดแผนดำเนินการซึ่งพวกเราตั้งชื่อว่า CSL-07 (Continental Shelf Limit 2007) ให้ดำเนินการสำรวจด้วยวิธีการวัดคลื่นไหวสะเทือนแบบ 2 มิติ ระยะทางประมาณ 7,000 กิโลเมตรเพื่อสำรวจค่าแรงโน้มถ่วง ความลึกของน้ำทะเล จากนั้นได้นำเสนอข้อมูลให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามลำดับ นอกจากนั้นยังได้มีการว่าจ้างเรือสำรวจและประมวลผลของสหภาพธรณีฟิสิกส์ทะเลเหนือ (SMNG) ของรัสเซียซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ที่เมืองท่ามูร์มันสค์ (Murmansk) เพื่อการสำรวจในโครงการนี้อีกด้วย
ในวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 2007 คุณเหงียนซูฮึง (Nguyễn Du Hưng) คุณเหงียนเจื่องแท็ง (Nguyễn Trường Thanh) คุณด่าวกวางอาน (Đào Quang An) รวมถึงตัวผมเองได้เดินทางไปที่เมืองท่ามูร์มันสค์ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของรัสเซียเพื่อทำการลงนามในสัญญาฉบับที่ PVEP – EXP/TC.06.001 กับสหภาพธรณีฟิสิกส์ทะเลเหนือ (SMNG) และในวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2007 พวกเราได้เดินทางไปที่มูร์มันสค์อีกครั้งหนึ่งเพื่อลงนามในสัญญาผนวกฉบับที่ Addenum Nr.1 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลทางด้านการไหวสะเทือนตามขั้นตอนการสำรวจที่ได้กำหนดไว้ในแผนดำเนินการ CSL – 07
การเจรจาและลงนามกับผู้บริหารสหภาพธรณีฟิสิกส์ทะเลเหนือ (SMNG) ณ เมืองท่ามูร์มันสค์เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2007
เมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2007 เรือสำรวจ "Polshkov" ของ SMNG ได้ออกเดินทางจากเมืองญาจางเพื่อเริ่มทำการสำรวจ ในวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ.2007 เมื่อการสำรวจในเที่ยวแรกเพิ่งทำการเก็บข้อมูลการไหวสะเทือนได้เพียง 2,144 กิโลเมตร ฝ่ายจีนได้ระดมเรือและเครื่องบินเพื่อทำการก่อกวนและขัดขวางมิให้เรือ “Polshkov” สามารถทำการสำรวจต่อไปและต้องยุติการสำรวจในเบื้องต้น
จากนั้น PVEP และ SMNG จึงได้ตกลงที่จะยุติสัญญาการสำรวจภาคสนามตามแผนดำเนินการ CSL-07 ระยะที่ 1 และได้บรรลุข้อตกลงที่จะนำเรือ "Polshkov" ไปสำรวจที่ล็อต 05.1.bc ให้แก่บริษัท "Idemitsu" ของญี่ปุ่นและในเวลาเดียวกันก็ได้เร่งดำเนินการจัดหาเรือลำใหม่เพื่อสานต่อแผนการสำรวจต่อไป ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2007 ผมได้เกษียรจากตำแหน่งงานตามวาระ อย่างไรก็ตาม เพื่อนร่วมทีมงานใน "ทีม CSL-07" ยังคงสานต่อภารกิจการทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 2008 เรือ "Northern Explorer" ของบริษัท “PGS” ประเทศนอรเวย์ที่ว่าจ้างโดย PVEP ได้ทำการสำรวจตามแผนดำเนินการ CSL-07 ระยะที่ 2 ในพื้นที่ทางด้านตะวันออกของบริเวณแอ่งฝูแข็ง (Bồn trầm Phú Khánh) ที่ได้ถูกเรียกชื่อใหม่ว่า CSL-08
สำหรับกลยุทธ์การระเบิดเพื่อวัดค่าความสั่นสะเทือนในครั้งนี้ พี่น้องทีมงานของเราได้ดำเนินการด้วยความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทะเล กล่าวคือ ถ้าหากจีนปิดกั้นเส้นทางสายนี้เราก็จะเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่น ถ้าหากจีนปิดกั้นในเขตตอนเหนือเราก็จะเคลื่อนย้ายลงไปทางใต้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อสำรวจได้เพียง 4,600 กม. หรือประมาณร้อยละ 75 ของปริมาณงานทั้งหมด จีนก็ได้ระดมเรือจำนวน 5 ลำเพื่อขัดขวางและทำการตัดสายเคเบิลวัดแรงสั่นสะเทือน และเป็นอีกครั้งที่เราต้องยุติการดำเนินงานเป็นการชั่วคราว
ทั้งนี้ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสานต่อการสำรวจที่ยังเหลืออยู่ประมาณร้อยละ 25 ตามแผนดำเนินการ CSL-08 ด้วยเหตุนี้ PVEP จึงได้ลงนามในสัญญากับบริษัท "Wavefield" ของสิงคโปร์เพื่อนำเรือ "Bergen Surveyor" เข้าไปสำรวจค่าการสั่นสะเทือนตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 2018 แต่ภายหลังจากนั้นเพียง 5 วัน การสำรวจก็ต้องยุติลงอีกครั้งเนื่องจากการต่อต้านอย่างรุนแรงจากฝ่ายจีน
กล่าวได้ว่า จากประสบการณ์ทำงานทางด้านการสำรวจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ผ่านมานั้น ผู้เขียนเองไม่เคยประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนเมื่อพวกเราสามารถทำการสำรวจในระยะที่ 2 ได้ 4,870 กม. และระยะแรก2,144 กม. รวมปริมาณงานประมาณ 7,000 กม. หากแต่ได้ใช้ระยะเวลาในการสำรวจที่ยาวนานถึง 2 ปี และต้องเปลี่ยนเรือสำรวจถึง 3 ครั้งเนื่องจากการขัดขวางจากฝ่ายจีน
ผมคิดว่าพวกเขาไม่ต้องการให้เวียดนามสามารถสำรวจและจัดเก็บข้อมูลด้วยวิธีการที่เป็นกลาง ตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อจัดทำรายงานนำเสนอแก่องค์การสหประชาชาติได้ตามระยะเวลาที่กำหนด เมื่อเข้าใจถึงเหตุและผลดังกล่าวแล้วก็ทำให้พวกเรามีความมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้นเพื่อให้การสำรวจประสบความสำเร็จและถือเป็นชัยชนะของพวกเรา
สำหรับเอกสาร CSL-07 ระยะที่ 1 นั้นได้ทำการประมวลผลโดย SMNG ณ เมืองท่ามูร์มันสค์ ส่วนเอกสาร CSL-08 ระยะที่ 2 ก็ได้ทำการประมวลผลที่ศูนย์ประมวลผล "Fairfield Vietnam" ของบริษัท PVN ทั้งนี้ ผลจากการสำรวจได้ถูกประมวลผลโดยแบ่งออกเป็นสองชั้น ได้แก่ ชั้นสะท้อนด้านบนซึ่งตรงกับระดับบนสุดของชั้นตะกอนหรือก้นทะเล (Seabed) และชั้นฐานเสียงที่สอดคล้องกับระดับก้นตะกอน (Base-Sediment)
จากการประมวลผลดังกล่าวทำให้สามารถคำนวณหาค่าความหนาของชั้นตะกอนซึ่งมีส่วนช่วยในการกำหนดขอบเขตของชั้นไหล่ทวีปให้มีความแม่นยำถูกต้องตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ จากนั้น PVEP ได้จัดส่งเอกสารทั้งหมดให้แก่คณะกรรมการเขตแดนเพื่อจัดทำเป็นรายงานแห่งชาติเพื่อนำเสนอต่อองค์การสหประชาชาติต่อไป
แผนภาพแสดงให้เห็นถึงการกำหนดเส้นพื้นฐาน ทะเลอาณาเขต พื้นที่เชื่อมต่อของทะเลอาณาเขต เขตสิทธิจำเพาะ EEZ และ TLD น่านฟ้าแห่งชาติ และน่านฟ้าสากล ภาพถ่ายโดย: NVCC
ผมได้รับทราบมาว่า จากการอ้างอิงสภาพทางธรรมชาติ ข้อกำหนดทางด้านการเมือง และข้อกฎหมายระหว่างประเทศ เวียดนามได้กำหนดพื้นที่ไหล่ทวีปเลยออกไปจากขอบเขต 200 ไมล์ทะเล และได้แบ่งอาณาเขตทางทะเลออกเป็นสามส่วน คือ พื้นที่ตอนเหนือเหนือซึ่งจากลักษณะทางธรรมชาตินั้นจะต้องลากเส้นเขตไหล่ทวีปออกไปทางทิศตะวันออก สำหรับพื้นที่ตอนกลางและตอนใต้นั้นเป็นพื้นที่ซึ่งมีแนวยาวตามธรรมชาติของไหล่ทวีปยื่นออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ตามลักษณะภูมิประเทศของเวียดนาม
รายงานแห่งชาติของเวียดนาม
สำหรับรายงานฉบับพื้นที่ตอนใต้นั้นเราได้จัดทำร่วมกับมาเลเซีย และได้รายงานไปยังองค์การสหประชาชาติเพื่อเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ผลประโยชน์ของเวียดนามเหนือพื้นที่ไหล่ทวีปที่เลยออกไปมากกว่า 200 ไมล์ทะเล ซึ่งการดำเนินการสำรวจนั้นเป็นไปตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เพื่อเป็นการกำหนดขอบเขตพื้นที่ของเขตเศรษฐกิจจำเพาะ EEZ และไหล่ทวีป
ทั้งนี้ เนื้อหาหลักในรายงานแห่งชาติของเวียดนามนั้นประกอบด้วย:
- การยืนยันอำนาจอธิปไตยของเวียดนามเหนือหมู่เกาะหว่างซา (Hoàng Sa) และ เจื่องซา (Trường Sa) สำหรับรายงานร่วมระหว่างเวียดนาม - มาเลเซียนั้นทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะกำหนดพื้นที่ไหล่ทวีปมากกว่า 200 ไมล์ทะเลที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองประเทศโดยไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ
- การยืนยันอำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และเขตอำนาจศาลของประเทศเหนือพื้นที่ทางทะเลและไหล่ทวีปซึ่งถูกกำหนดไว้ภายใต้อนุสัญญา 1982 การปฏิบัติตามอนุสัญญา 1982 และเคารพสนธิสัญญาระหว่างประเทศและข้อตกลงที่มีการลงนามและมีผลบังคับใช้ระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
- การจัดทำรายงานเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมาธิการกำหนดขอบเขตไหล่ทวีปซึ่งเกี่ยวข้องกับพื้นที่ซึ่งเลยออกไปจากไหล่ทวีปในเขต 200 ไมล์ทะเล และการที่คณะกรรมาธิการกำหนดขอบเขตไหล่ทวีปขององค์การสหประชาชาติได้พิจารณาบทรายงานดังกล่าวมิได้สังผลกระทบต่อปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับอธิปไตยทางทะเลและหมู่เกาะ รวมถึงการกำหนดอาณาเขตทางทะเลระหว่างเวียดนามและประเทศอื่น ๆ ในภายหลัง
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 คณะผู้แทนเวียดนามประจำองค์การสหประชาชาติได้ร่วมมือกับคณะผู้แทนมาเลเซียในการส่งรายงานร่วมระหว่างเวียดนามและมาเลเซีย และเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 2007 เวียดนามได้ทำการจัดส่งรายงานของตนเองในพื้นที่ทางทะเลภาคเหนือก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2009
คณะเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการกำหนดขอบเขตไหล่ทวีปได้รับและทำการบรรจุรายงานร่วมระหว่างเวียดนามและมาเลเซีย และรายงานฉบับที่จัดทำโดยเวียดนามไว้ในเว็บไซต์ขององค์การสหประชาชาติโดยทันที
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 คณะผู้แทนจีนประจำองค์การสหประชาชาติได้ส่งเอกสารทางการทูตไปยังเลขาธิการองค์การสหประชาชาติเพื่อประท้วงรายงานทั้งสองฉบับ โดยเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการกำหนดขอบเขตไหล่ทวีปไม่พิจารณารายงานทั้งสองฉบับ และเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มีการเรียกร้องสิทธิในทะเลตะวันออกตาม “แผนที่เส้นประ 9 เส้น" หรือ "แผนที่ลิ้นวัว" อย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 คณะผู้แทนเวียดนามได้ยื่นเอกสารทางการทูตเพื่อประท้วงเอกสารของจีนและยืนยันอำนาจอธิปไตยของเวียดนามเหนือพื้นที่เกาะหว่างซา (Hoàng Sa) และ เจื่องซา (Trường Sa) รวมถึงได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องตาม "แผนที่เส้นประ 9 เส้น" และทักท้วงว่านี่คือข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผล มิได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานทางกฎหมาย ขาดความเชื่อมโยงกับบริบททางด้านประวัติศาสตร์ และข้อเท็จจริง
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ.2009 เวียดนามและมาเลเซียได้ร่วมกันนำเสนอรายงานร่วมระหว่าง 2 ประเทศ จากนั้น เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 2009 เวียดนามได้นำเสนอรายงานเฉพาะของตนเองต่อคณะกรรมาธิการกำหนดขอบเขตไหล่ทวีปองค์การสหประชาชาติ
ระยะเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว บัดนี้เป็นเวลากว่า 13 ปีแล้ว นับตั้งแต่คณะทำงาน CSL-07 ของบริษัท PVEP ได้ร่วมมือกับกับคณะกรรมการเขตแดนกระทรวงการต่างประเทศได้เริ่มต้นดำเนินงาน จากนั้นในช่วงระยะเวลา 2 ปี ระหว่างปี ค.ศ. 2007 - 2008 คณะทำงานได้พยายามฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการโดยสามารถเอาชนะการขัดขวางอย่างรุนแรงของจีนได้สำเร็จเพื่อให้การดำเนินการวัดค่าความสั่นสะเทือนเพื่อกำหนดขอบเขตพื้นที่ซึ่งเลยออกไปจากไหล่ทวีปของเวียดนามประสบความสำเร็จ
บัดนี้ ทั้งคุณด่าวกวางแอ็ง (Đào Quang Anh) คุณเหงียนซูฮึง (Nguyễn Du Hưng) และตัวผมเองต่างก็ได้เกษียณอายุ นอกจากนั้นยังได้ทราบว่าคุณหวิ่งมิงจิ๋ง (Huỳnh Minh Chính) ซึ่งต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำเนเธอร์แลนด์นั้นก็ได้เกษียรอายุราชการแล้ว
เมื่อหวนรำลึกถึงความหลังก็พบว่าภาคส่วนอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของเวียดนามนั้นก็มีส่วนสำคัญต่อการปกป้องอธิปไตยทางทะเลอันศักดิ์สิทธิ์ของปิตุภูมิ และต่อต้านความทะเยอทะยานของจีนในการครอบครองพื้นที่ทะเลตะวันออกเอาไว้ได้
Tri Thức Trẻ
Suriya Khamwan แปล